ลานสเก็ตราชบุรี

หากขับรถมาทางด้านซ้ายของสันเขื่อนจะเป็นทางที่ค่อยข้างเล็กนิดนึงพอที่รถจะสวนไปมาได้ ซึ่งเป็นทางยาวไม่ค่อยมีคนเข้ามาทางนี้ เพราะว่ามันคือทางตันนั่นเอง ที่รู้เพราะว่าได้ขับไปสุดทางแล้วเป็นทางที่ห้ามเข้า เลยต้องถอยหลังออกมาไม่สามารถกลับรถได้ด้วยความสามารถของตัวเองเลย

จากสันเขื่อนสามารถลงมาได้แต่ยากนิดนึงควรระมัดระวังในการเดิน ไม่มีบันไดหรือทางที่คนลงเป็นประจำขาลุยอาจจะชอบ ตามทางจะเป็นก้อนหินก่อนใหญ่ถ้าช่วงหน้าฝนอาจจะลื่นไม่ควรลงไป

บางวันที่นี่จะมีคนเอาห่วงยางกันมาเพื่อเล่นน้ำ พายเรือ และตกปลา ทว่าจริงๆที่นี้มีป้ายห้ามตกปลาอยู่ชาวบ้านบางคนกลัวก็เลยไม่ตก แต่เปลี่ยนมาทอดแหหาปลาแทน เพราะที่ไม่มีเจ้าหน้าทีดูแล

หลังจากพักทานข้าวหลังรถกันเสร็จก็ขับรถย้อนออกมาจุดทางเข้า ทางด้านซ้ายมือจะมีวัดอะไรสักอย่างไม่รู้ ให้เข้ารถเข้ามาในทางเรียบสันเขื่อนด้านล่าง ขับตรงมาเกือบสุดทางจะเป็นทางขึ้นมาบนสันเขื่อนได้บนอีกครั้ง ก็จะเจอป้อมยามสาเหตุของการกั้นทางเข้านั่นเอง ป้อมยามนี้จะอยู่ด้านขวามือ และทางด้านซ้ายมือก็จะเป็นป่าสนขนาดกำลังดี พอจะเข้าไปวิ่งเล่นได้

ใกล้ๆป่าสนจะมีทางระบายน้ำที่ดูเหมือนถูกทิ้งร้างแต่จริงๆคงยังทำงานอยู่แค่นานๆทีใช้เท่านั้นเอง เหตุผลที่ดูร้างเหมือนไม่ได้ใช้งานเพราะว่าที่นี่แห้งแล้ง ทำให้ทางระบายน้ำไม่มีน้ำสักหยดทำให้คนสามารถลงไปเดินเล่นตามทางระบายน้ำได้ และไม่ต้องกลัวว่าอยู่ดีๆใครจะเปิดน้ำออกมาขณะที่เรากำลังเดินสำรวจเลย เพราะทางระบายน้ำนี้จะถูกใช้ต่อเมื่อน้ำในเขื่อนเต็มเท่านั้น มันทำงานปีละไม่กี่ครั้งในช่วงหน้าฝนที่น้ำเต็มเขื่อน

ในฤดูฝนที่ที่นี้จะเขียวต่างจากฤดูแล้ง ที่แล้งจนกิ่งไม้ที่ตกอยู่ริมทางเกิดไฟไหม้ตัวเอง โดยในฤดูฝนน้ำจะเขื่อนจะล้นและไหลลงมาในทางระบายน้ำนี้ซึ่งมันก็เป็นอีกบรรยากาศของที่นี่เลย เพราะชาวบ้านจะแห่มาเล่นน้ำกันในทางระบายน้ำนี้ และปลาในเขื่อนก็จะไหลลงมาในทางระบายน้ำนี้เช่นกันซึ่งก็จะมีคนมาค่อยดักจับปลาที่ไหลออกมาจากเขื่อน เพราะฉะนั้นหน้าฝนเป็นหน้าที่คนเยอะที่สุดและก็มีพ่อค้าแม่ค้ามาค่อยขายอาหารเครื่องดื่มให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวอีกด้วย

ตามผนังของทางระบายน้ำจะเต็มไปด้วยผลงานกราฟฟิตี้ของศิลปินต่างๆ ที่ได้เข้ามาเยี่ยมและจาลึกผลงานเอาไว้แต่ก็ไม่ใช่ง่ายๆ ที่ผลงานจะถูกทับได้ง่ายๆ เพราะที่นี่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนักการไปมาก็ยากลำบากพอสมควรเลยทีเดียวหากไม่มีรถส่วนตัว